1. เลือกรับประทานอาหารให้ครบหลักโภชนาการ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายสามารถได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนในแต่ละวัน เพราะร่างกายต้องนำสารอาหารเหล่านี้ไปใช้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย
2. ผู้ป่วยมักมีอาการท้องผูกจึงควรเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยในเรื่องของการขับถ่าย สำหรับผักและผลไม้ที่ควรเลือกรับประทานเช่น กะหล่ำปลี คะน้า กวางตุ้ง บร็อคโคลี่ ผักบุ้ง ถั่วฟักยาว เป็นต้น สำหรับผลไม้ก็อย่างเช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล มะละกอ สับปะรด แก้วมังกร เป็นต้น
3. ควรหันมาบริโภคอาหารประเภทธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ลูกเดือย ถั่วต่างๆ เพราะอาหารเหล่านี้จะมีกากใยสูง มีไขมันต่ำ และอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกาย นอกจากจะช่วยในเรื่องการบำรุงร่างกายได้แล้ว ยังมีส่วนในการช่วยควบคุมน้ำหนัก และทำให้ผู้ป่วยขับถ่ายได้เป็นปกติอีกด้วย
4. ดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อยควรดื่มให้ได้วันละ 7-8 แก้ว เพราะน้ำมีส่วนในการช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกายเป็นปกติ และช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องทำการฉายแสง และให้คีโม อาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเกิดขึ้นและรับประทานอาหารได้ลำบาก การดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เหล่านี้ให้ดีขึ้น
5. ในช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทปิ้งยาง ปลาเค็ม เนื้อเค็ม และอาหารหมักดอง เพราะอาหารต่างๆ เหล่านี้มีสารก่อมะเร็ง รวมไปถึงอาหารที่ไม่สุกดีพอ พวกเนื้อย่างสุกๆ ดิบๆ ก็ไม่ควรรับประทานเช่นเดียวกัน แต่ให้หันมารับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ สะอาดและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
6. ถ้าต้องการดื่มนมให้เลือกดื่มนมแบบพร่องมันเนย มีไขมันและน้ำตาลต่ำ จะดีและมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากกว่านมปรุงแต่งที่มีรสชาติหวาน
7. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด รวมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่ก็ควรเลิกสูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน เพราะทั้งแอลกอฮอล์และบุหรี่มีสารก่อมะเร็งด้วยกันทั้งนั้น และยังมีส่วนทำให้สุขภาพของผู้ป่วยแย่ลงไปกว่าเดิมได้อีกด้วย
เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะมีส่วนในการช่วยให้อาการของโรคมะเร็งดีขึ้น ถ้าการรักษาได้ผลดีคุณก็มีโอกาสที่จะหายจากโรคมะเร็งได้ในเวลาไม่นาน